วันจันทร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2568

LogiMAT SEA 2025 – พลิกโฉมโลจิสติกส์ไทยสู่ยุค Smart Logistics


“AI × Robotics × Intelligence Logistics” ณ BITEC บางนา กรุงเทพฯ (15-17 ตุลาคม 2025)
LogiMAT 2025 – The Future of Smart Logistics at BITEC Bangkok

พลิกโฉมโลกโลจิสติกส์ไทย สู่ยุคของ “AI × Robotics × Intelligence Logistics”

ในโลกที่ทุกวินาทีมีค่ามากกว่าที่เคย “โลจิสติกส์” ไม่ได้เป็นเพียงการเคลื่อนย้ายสินค้าอีกต่อไป แต่คือ “หัวใจของความสามารถในการแข่งขัน” ของทุกองค์กร
งาน LogiMAT 2025 Bangkok @ BITEC คือเวทีที่รวบรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยจากทั่วโลกด้านการจัดการคลังสินค้า ระบบขนส่งอัตโนมัติ หุ่นยนต์ AI และโซลูชันดิจิทัล เพื่อยกระดับระบบโลจิสติกส์ให้ฉลาด แม่นยำ และยั่งยืนกว่าที่เคย

ทำไมการพัฒนา “โลจิสติกส์” จึงจำเป็นในยุคนี้

องค์กรทั่วโลกกำลังเผชิญกับความท้าทายจาก e-commerce ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด ต้นทุนพลังงานที่ผันผวน และความต้องการของลูกค้าที่ “เร็วและแม่นยำขึ้นทุกวัน”
การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้เชื่อมโยงกันทั้งภายในและระหว่างองค์กร จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อสร้างเครือข่ายการส่งมอบที่ “เห็นภาพรวมแบบเรียลไทม์ และตอบสนองได้อัตโนมัติ”
จากโรงงานถึงลูกค้าเพียงปลายนิ้ว — นี่คือการเปลี่ยนผ่านจาก Logistics สู่ Smart Logistics

AI & Robotics: พลังขับเคลื่อนโลจิสติกส์อัจฉริยะ

ในงานนี้ คุณจะได้เห็นเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงแนวคิดในหนังสือ แต่วันนี้กลายเป็นจริงแล้วในโรงงานและคลังสินค้าทั่วโลก
  • หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายอัตโนมัติ (AMR / AGV) ที่สื่อสารกันได้เองและเลือกเส้นทางที่เร็วที่สุด
  • AI Warehouse Management ที่วิเคราะห์ข้อมูลสต็อกและพยากรณ์การสั่งซื้ออัตโนมัติ
  • Cobot & Vision System ที่ทำงานร่วมกับคนได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  • Digital Twin & Data Analytics ที่ช่วยจำลองและปรับปรุงกระบวนการโลจิสติกส์แบบเรียลไทม์
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่า AI ไม่ได้มาแทนคน แต่เสริมศักยภาพให้คนทำงานได้ฉลาดขึ้น เร็วขึ้น และแม่นยำขึ้น

จุดประกายความคิด – จากแรงบันดาลใจสู่การลงมือทำ

LogiMAT 2025 คือพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการ วิศวกร และนักอุตสาหกรรมที่ต้องการเห็น “อนาคตของโลจิสติกส์ไทย” ด้วยตาตัวเอง

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต อาหาร บรรจุภัณฑ์ หรือ e-commerce
เทคโนโลยีจากงานนี้จะช่วยให้คุณออกแบบระบบขนส่ง จัดเก็บ และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เพราะ “ในยุคของข้อมูลและ AI ใครที่ขยับก่อน คือคนที่ได้เปรียบกว่าเสมอ”
ในโลกที่ทุกวินาทีมีค่ามากขึ้น “โลจิสติกส์” ไม่ได้เป็นเพียงการเคลื่อนย้ายสินค้าอีกต่อไป แต่คือ หัวใจของความสามารถในการแข่งขัน ทุกองค์กร

งาน LogiMAT SEA 2025 @ BITEC (15-17 ต.ค. 2025) คือเวทีระดับภูมิภาคที่รวบรวมเทคโนโลยีล้ำสมัยด้านคลังสินค้า (warehouse), ระบบขนส่ง (transport & intralogistics), การจัดการกระบวนการ (process management) รวมถึงห่วงโซ่เย็น (cold chain) ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Passion for Solutions — Freezing Limits, Boosting Business” LogiMAT | Sea

ด้วยการคาดการณ์ผู้เข้าชมกว่า 7,000 คน, ผู้แสดงกว่า 250 บูธ, และตัวแทนจากกว่า 30+ ประเทศ LogiMAT | Sea — ทำให้การเข้าร่วมนั้นไม่ใช่แค่ “เข้าชมงาน” แต่เป็น “โอกาสทอง” ของผู้ประกอบการไทยและอาเซียน

ทำไมการพัฒนาระบบโลจิสติกส์จึงจำเป็นในยุคนี้
  • โลกธุรกิจกำลังเผชิญกับ e-commerce ที่เติบโตแบบก้าวกระโดด, ผู้บริโภคที่เรียกร้อง “เร็ว & ถูกต้องมากขึ้น”, ต้นทุนพลังงานและแรงงานที่ผันผวน
  • การพัฒนาระบบโลจิสติกส์ให้ เชื่อมโยงทั้งภายในองค์กรและระหว่างองค์กร จึงสำคัญ – เพื่อให้มีเครือข่ายการส่งมอบที่ “เห็นภาพรวมแบบเรียลไทม์ และตอบสนองอัตโนมัติ”
  • เมื่อองค์กรสามารถควบคุมคลังสินค้า, ขนส่ง, และกระบวนการได้อย่างแม่นยำ – นั่นคือการเปลี่ยนผ่านจาก “Logistics” สู่ “Smart Logistics”
AI & Robotics: พลังขับเคลื่อนโลจิสติกส์อัจฉริยะ
ในงานนี้ คุณจะได้เห็นเทคโนโลยีที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเพียงแนวคิด แต่วันนี้กลายเป็น “ของจริง” ในโรงงานและคลังสินค้าทั่วโลก:
  • หุ่นยนต์เคลื่อนย้ายอัตโนมัติ (AMR/AGV) ที่สื่อสารและเลือกเส้นทางได้เอง
  • ระบบ AI Warehouse Management ที่วิเคราะห์ข้อมูลคลัง และพยากรณ์การสั่งซื้อแบบอัตโนมัติ
  • Cobot & Vision System ที่ทำงานร่วมกับคนได้อย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  • Digital Twin และ Data Analytics ที่ช่วยจำลองและปรับปรุงทั้งระบบคลังสินค้าและสายขนส่งแบบเรียลไทม์
ด้วยเวที LogiMAT SEA 2025 คุณไม่เพียงแค่ “ไปดู” แต่สามารถ “สัมผัส” และ “เรียนรู้” ว่า เทคโนโลยีเหล่านี้ก่อให้เกิดผลลัพธ์อย่างไร — และนำไปใช้กับธุรกิจของคุณได้อย่างไร

จุดประกายความคิด – จากแรงบันดาลใจสู่การลงมือทำ
LogiMAT SEA 2025 คือพื้นที่สำหรับผู้ประกอบการ วิศวกร และนักอุตสาหกรรมที่ต้องการ เห็นอนาคตของโลจิสติกส์ไทย & อาเซียน ด้วยตาตัวเอง

ไม่ว่าคุณจะอยู่ในอุตสาหกรรมการผลิต อาหาร บรรจุภัณฑ์ หรือ e-commerce – เทคโนโลยีจากงานนี้จะช่วยให้คุณออกแบบระบบขนส่ง จัดเก็บ และบรรจุภัณฑ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
เพราะ “ในยุคของข้อมูลและ AI ใครที่ขยับก่อน คือคนที่ได้เปรียบกว่าเสมอ”

เชื่อมโยงกับสิ่งที่คุณ “มีอยู่” แล้ว
  • ถ้าคุณมีระบบ ERP / WMS อยู่แล้ว: งานนี้อาจช่วยให้คุณเห็นโมดูลเสริม เช่น AI-based forecasting หรือ robot-assisted picking ที่ทำงานร่วมกับ WMS
  • ถ้าคุณมีคลังสินค้าหรือซัพพลายเชนในภูมิภาคอาเซียน: งานนี้คือโอกาส “benchmark” ระบบของคุณกับมาตรฐานระดับสากล และหาโซลูชันที่ลด lead time และ cost
  • ถ้าคุณพิจารณาลงทุนในหุ่นยนต์หรือระบบอัตโนมัติ: งานนี้จะช่วยคุณเห็น “กรณีใช้งานจริง” (use case) และพบซัพพลายเออร์จากหลากหลายประเทศ — ตัดสินใจได้ดีขึ้น
SimplexMove Thailand เปิดมิติใหม่ของ Packing Automation
กับ Cobot Palletizer รุ่น 40D ในงาน LogiMAT 2025 @ BITEC Bangkok

ในงาน LogiMAT Southeast Asia 2025 (15–17 ต.ค. 2568) ที่ BITEC บางนา ซึ่งถือเป็นเวทีสำคัญของเทคโนโลยี Smart Logistics และ Automation แห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ทาง SimplexMove (Thailand) Co., Ltd. ได้รับเกียรติจาก อ.ศักดา สารพัดวิทยา กรรมการผู้จัดการบริษัท Tropicaltech Co., Ltd. ให้เข้าร่วมจัดแสดง Cobot Palletizer รุ่น 40D ตลอด 3 วันเต็ม

ไฮไลท์ที่ได้รับความสนใจจากผู้ร่วมงาน

ภายในบูธ SimplexMove เราได้เปิดตัวชุด Cobot Palletizer 40D พร้อม Conveyor ระบบ Wait Positioning
ในราคาพิเศษเพียง 💥 599,000 บาท (พร้อมติดตั้งครบชุด)
ซึ่งออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มผู้ประกอบการที่ต้องการ
  • ลดภาระแรงงานยกกล่องและกระสอบหนัก
  • เพิ่มความต่อเนื่องของไลน์ผลิตโดยไม่ต้องหยุดรอ
  • และสามารถต่อยอดกับระบบ WMS / ERP ที่มีอยู่เดิมได้ทันที
ผลลัพธ์คือได้รับความสนใจอย่างมากจากกลุ่มโรงงานและผู้ผลิตสินค้าอุปโภคบริโภค (FMCG, อาหาร, พลาสติก, เคมีภัณฑ์) ที่กำลังมองหาเทคโนโลยีเพื่อ ยกระดับท้ายไลน์บรรจุภัณฑ์ (Packing Automation)

สิ่งที่เราได้เรียนรู้จาก LogiMAT 2025

จากการพูดคุยกับผู้เข้าชมงานจำนวนมาก เราพบว่า

“ปัญหาการขาดแคลนแรงงาน และความเมื่อยล้าของคนงาน คือสิ่งที่ผู้ประกอบการทุกระดับกำลังเผชิญ”

Cobot Palletizer จึงเป็นโซลูชันที่ไม่เพียงช่วยลดต้นทุนแรงงาน แต่ยัง เพิ่มความสม่ำเสมอ ความปลอดภัย และประสิทธิภาพ ของไลน์ผลิตได้จริง
โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ต้องทำงานต่อเนื่องยาวนาน — หุ่นยนต์สามารถทำงานได้ตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่เมื่อยล้า และไม่เสี่ยงต่ออุบัติเหตุ

เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการไทย

หลังจากการจัดแสดงที่ LogiMAT เราได้รับการติดต่อจากหลายโรงงานที่ต้องการทดลองใช้ และวางแผนติดตั้งจริงภายในปี 2026

หากคุณเป็นหนึ่งในผู้ที่ต้องการ
  • ลดปัญหาแรงงานขาดแคลน
  • เพิ่มประสิทธิภาพ Packing ท้ายไลน์
  • และต้องการเห็นผลลัพธ์จากระบบอัตโนมัติจริง
เรายินดีให้คำปรึกษา ฟรี โดยทีม SimplexMove Thailand ผู้เชี่ยวชาญด้าน End-of-Line Automation

▪ ติดตามข่าวสารใหม่ๆ ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.facebook.com/simplexmove.robotics/

▪ อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.youtube.com/@simplexmovesmartfactory6863

▪ อ่านงานบริการของเราเพิ่มเติม ได้ที่นี่
👉 https://simplexmove.blogspot.com/

📞 สอบถามเพิ่มเติมเพื่อขอรับข้อมูลดีๆ กับ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation ได้ที่
🌐 Website : https://www.simplexmove.com/
☎ 02-8996374, 086-3080698
📲 LineID: @simplexmove
📲 แอดไลน์สายด่วนคลิก : https://lin.ee/ExqBRXz

#ท้ายไลน์การผลิต #PACKING #Propak_2025 #ROBOT_Palletizer #case_packer #plant_simulation #Visual_components #เครื่องพันพาเลท #เครื่องบรรจุกล่อง #เครื่องกางกล่อง #เครื่องpacking #วงศ์ธนาวุฒิ #SimplexMove #wongtanawoot #AutomatedPalletizing #ลดคนท้ายไลน์ #ระบบจัดเรียงสินค้าอัตโนมัติ #FactoryAutomation #Industry40 #SmartFactory #หุ่นยนต์อุตสาหกรรม #ลดต้นทุนแรงงาน  #เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต #เทคโนโลยีโรงงาน #PalletizingRobot #สายการผลิตอัตโนมัติ #ลดภาระงานแรงงาน #WarehouseAutomation #IndustrialRobot #ระบบหุ่นยนต์ท้ายไลน์ #ประหยัดแรงงาน #SmartLogistics #ProductivitySolutions #พัฒนาท้ายไลน์การผลิต #end_of_line #packing_line #ออกแบบเพื่อSMEไทยรุ่งเรือง #robot_palletizer #case_packer

Cobot Palletizer 40D | โซลูชันยกพาเลทอัตโนมัติจาก SimplexMove ยกระดับ Smart Factory ไทย



บริบทของอุตสาหกรรมไทยปัจจุบัน

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โรงงานผลิตจำนวนมากในประเทศไทยประสบปัญหาขาดแคลนแรงงานอย่างรุนแรง โดยเฉพาะในส่วน “ท้ายไลน์การผลิต” (End-of-line) ซึ่งเป็นจุดที่ต้องใช้แรงงานคนในการยก กล่อง ลัง หรือกระสอบขึ้นพาเลทอย่างต่อเนื่อง งานลักษณะนี้ต้องใช้แรงกายมาก ทำซ้ำบ่อย และมักเกิดอาการล้าหรือบาดเจ็บจากการทำงาน

การนำ Cobot Palletizer 40D จาก SimplexMove เข้ามาใช้งาน จึงเป็นทางออกที่ตอบโจทย์ทั้งด้าน ประสิทธิภาพ, ความปลอดภัย, และ ความต่อเนื่องของการผลิต ได้อย่างครบถ้วน

ประสิทธิภาพและความสามารถหลักของรุ่น 40D

  • ยกได้สูงสุดถึง 40 กิโลกรัม ต่อรอบ เหมาะกับกล่องหรือลังสินค้าทั่วไปในอุตสาหกรรมอาหาร บรรจุภัณฑ์ และเคมีภัณฑ์
  • ทำงานได้ที่ความเร็ว 6–8 รอบต่อนาที ช่วยเพิ่มอัตราการผลิตโดยไม่ต้องเพิ่มคน
  • ระยะทำงานสูงสุด 2000 มม. สามารถวางพาเลทได้ทั้งซ้ายและขวาโดยไม่ต้องเคลื่อนฐาน
  • ติดตั้งง่าย ย้ายได้สะดวก — ใช้ไฟฟ้าเพียงแหล่งเดียว ไม่ต้องสร้างโครงสร้างถาวร
  • ระบบควบคุมผ่าน Touchscreen Interface ที่ออกแบบให้เข้าใจง่าย ผู้ที่ใช้สมาร์ทโฟนเป็นสามารถเรียนรู้ได้ภายใน ไม่เกิน 1 ชั่วโมง

ประโยชน์หลักเมื่อเทียบกับแรงงานคน

ประเด็น
แรงงานคน
Cobot Palletizer 40D
ความต่อเนื่อง ทำงานได้ 6–8 ชม./วัน ทำงานต่อเนื่องได้ 24 ชม.
ความแม่นยำในการวาง อาจมีเอียงหรือซ้อนผิดแนว วางซ้ำตำแหน่งเดิมทุกครั้ง
ความเหนื่อยล้า/บาดเจ็บ สูง โดยเฉพาะงานยกหนัก ไม่มีอาการล้า ทำงานสม่ำเสมอ
ต้นทุนแรงงานระยะยาว เพิ่มขึ้นทุกปี คืนทุนภายใน 1–2 ปี
ความยืดหยุ่น ต้องฝึกใหม่ทุกคน โปรแกรมซ้ำได้ เปลี่ยนสูตรวางง่าย

ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งานจริง

  • ลดจำนวนคนในท้ายไลน์ได้ 1–2 คนต่อกะ
  • เพิ่มความเร็วเฉลี่ยของไลน์ได้ 20–30%
  • ลดการแตกหักหรือการเอียงของสินค้าในพาเลทได้มากกว่า 90%
  • เพิ่มภาพลักษณ์องค์กรในด้าน “Smart Factory & Automation Ready”

มุมมองสรุป

การใช้ Cobot Palletizer รุ่น 40D จึงไม่ใช่แค่ “การลดคน” แต่คือ การยกระดับระบบการผลิตเข้าสู่ยุคอัตโนมัติ อย่างแท้จริง เหมาะสำหรับโรงงานที่ต้องการ

  • แก้ปัญหาขาดแรงงาน
  • ลดต้นทุนระยะยาว
  • เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
  • และเตรียมพร้อมสู่ระบบ Smart Manufacturing

▪ ติดตามข่าวสารใหม่ๆ ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.facebook.com/simplexmove.robotics/

▪ อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.youtube.com/@simplexmovesmartfactory6863

▪ อ่านงานบริการของเราเพิ่มเติม ได้ที่นี่
👉 https://simplexmove.blogspot.com/

📞 สอบถามเพิ่มเติมเพื่อขอรับข้อมูลดีๆ กับ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation ได้ที่
🌐 Website : https://www.simplexmove.com/
☎ 02-8996374, 086-3080698
📲 LineID: @simplexmove
📲 แอดไลน์สายด่วนคลิก : https://lin.ee/ExqBRXz

#ท้ายไลน์การผลิต #PACKING #ROBOT_Palletizer #case_packer #plant_simulation #Visual_components #เครื่องพันพาเลท #เครื่องบรรจุกล่อง #เครื่องกางกล่อง #เครื่องpacking #วงศ์ธนาวุฒิ #SimplexMove #wongtanawoot #AutomatedPalletizing #ลดคนท้ายไลน์ #ระบบจัดเรียงสินค้าอัตโนมัติ #FactoryAutomation #Industry40 #SmartFactory #หุ่นยนต์อุตสาหกรรม #ลดต้นทุนแรงงาน  #เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต #เทคโนโลยีโรงงาน #PalletizingRobot #สายการผลิตอัตโนมัติ #ลดภาระงานแรงงาน #WarehouseAutomation #IndustrialRobot #ระบบหุ่นยนต์ท้ายไลน์ #ประหยัดแรงงาน #SmartLogistics #ProductivitySolutions #พัฒนาท้ายไลน์การผลิต #end_of_line #packing_line #ออกแบบเพื่อSMEไทยรุ่งเรือง #robot_palletizer #case_packer

วันอังคารที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2568

VACUUM HAND LIFT ก็ลดเมื่อยล้าได้


เมื่อเลือกชุดยก Vacuum Tube เพื่อช่วยผ่อนแรงยกของหนัก มีหลายปัจจัยที่ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ เพื่อให้ได้ระบบที่เหมาะสมกับลักษณะการใช้งานและความต้องการของคุณมากที่สุด ดังนี้ครับ:

1. รูปแบบโครงสร้างของชุดยก (System Structure)

1. รูปแบบเครน (Crane System):
  •      เหมาะสำหรับ: การเคลื่อนย้ายวัสดุในพื้นที่กว้างขวาง ครอบคลุมพื้นที่การทำงานขนาดใหญ่
  •      ข้อดี: ให้ความยืดหยุ่นสูงในการเคลื่อนที่ในระนาบ XY, สามารถติดตั้งได้ทั้งแบบ Overhead Crane (เครนเหนือศีรษะ) หรือ Jib Crane (เครนเสา)
  •      ข้อควรพิจารณา: การติดตั้งที่ซับซ้อนกว่า, ใช้พื้นที่เหนือศีรษะมาก, อาจมีข้อจำกัดด้านน้ำหนักบรรทุกรวมของโครงสร้างโรงงาน
2. รูปแบบแขวนเพดาน (Ceiling Mounted System):
  •      เหมาะสำหรับ: พื้นที่การทำงานที่จำกัด, ต้องการประหยัดพื้นที่บนพื้นโรงงาน, หรือต้องการความคล่องตัวในการเคลื่อนที่ตามแนวเส้นตรง
  •      ข้อดี: ประหยัดพื้นที่, ไม่กีดขวางการทำงานบนพื้น, สามารถติดตั้งเป็นรางยาวเพื่อครอบคลุมพื้นที่ได้
  •      ข้อควรพิจารณา: ต้องพิจารณาน้ำหนักที่เพดานสามารถรองรับได้, การติดตั้งอาจต้องมีการเสริมโครงสร้างเพดาน
3. รูปแบบ Manipulator หรือแขนช่วยยก (Manipulator Arm System):
  •      เหมาะสำหรับ: การทำงานในจุดเฉพาะ, การหยิบจับที่ต้องการความแม่นยำสูง, หรือการทำงานที่ซ้ำๆ ในพื้นที่จำกัด
  •      ข้อดี: ควบคุมง่าย, เคลื่อนที่ได้คล่องตัวในพื้นที่ทำงานเฉพาะ, มักใช้ระบบนิวเมติกส์ (Pneumatic) หรือไฮดรอลิกส์ (Hydraulic) ร่วมกับสุญญากาศ
  •      ข้อควรพิจารณา: ระยะการทำงานจำกัดกว่าระบบเครน, อาจไม่เหมาะกับการเคลื่อนย้ายวัสดุข้ามพื้นที่ขนาดใหญ่
4. รูปแบบเคลื่อนย้ายได้ (Mobile/Portable System):
  •      เหมาะสำหรับ: การใช้งานที่ต้องการความยืดหยุ่นในการเคลื่อนย้ายไปตามจุดต่างๆ ในโรงงาน หรือในกรณีที่ไม่ต้องการติดตั้งถาวร
  •      ข้อดี: เคลื่อนย้ายง่าย, ไม่ต้องติดตั้งถาวร, เหมาะสำหรับงานชั่วคราวหรืองานที่มีการเปลี่ยนแปลงพื้นที่บ่อย
  •      ข้อควรพิจารณา: มักมีข้อจำกัดด้านน้ำหนักบรรทุกและระยะการทำงานที่น้อยกว่าระบบติดตั้งถาวร, ต้องพิจารณาประเภทล้อและพื้นผิวโรงงาน
2. หลักการเลือกซื้อและลงทุน (Purchasing and Investment Principles)

1. วิเคราะห์ความต้องการ:
  • น้ำหนักเฉลี่ยและน้ำหนักสูงสุดของวัสดุที่ต้องการยก: นี่คือกุญแจสำคัญในการเลือกกำลังยกของ Vacuum Tube และระบบทั้งหมด
  • ประเภทของวัสดุ: (กระสอบ, กล่อง, ถัง, ยางอัดแน่น) ส่งผลต่อการเลือกประเภท Gripper
  • ความถี่ในการยก: (ยกบ่อยแค่ไหนต่อชั่วโมง/ต่อวัน) ส่งผลต่อความทนทานของอุปกรณ์และระบบควบคุม
  • ระยะการยกและระยะการเคลื่อนที่: (สูง-ต่ำ, ใกล้-ไกล) ส่งผลต่อความยาว Tube, ระยะแขน, และรูปแบบโครงสร้าง
  • สภาพแวดล้อมการทำงาน: (อุณหภูมิ, ความชื้น, ฝุ่น, สารเคมี) ส่งผลต่อวัสดุที่ใช้ทำโครงสร้างและอุปกรณ์
2. งบประมาณ: กำหนดงบประมาณที่เหมาะสม แต่ควรพิจารณาถึง ROI (Return on Investment) ในระยะยาวจากการประหยัดแรงงาน, ลดการบาดเจ็บ, และเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต
3. ความปลอดภัย: เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้มาตรฐานความปลอดภัยสากล (เช่น CE, ISO) มีระบบความปลอดภัยป้องกันการตกหล่นของวัสดุ
4. บริการหลังการขายและการบำรุงรักษา: ความพร้อมของอะไหล่, บริการซ่อมบำรุง, และการสนับสนุนทางเทคนิคจากผู้จำหน่ายเป็นสิ่งสำคัญ

3. การพิจารณาเกี่ยวกับรูปแบบของ Gripper ต่างๆ

Gripper หรือ Suction Pad คือส่วนที่สัมผัสกับวัสดุและใช้สุญญากาศในการยึดติด การเลือก Gripper ที่เหมาะสมมีความสำคัญอย่างยิ่ง:

1. สำหรับกระสอบ: มักใช้ Gripper ที่มีขนาดใหญ่และมีพื้นผิวสัมผัสกว้าง เพื่อกระจายแรงดูดและป้องกันความเสียหายต่อกระสอบ มักเป็นแบบ "Foam Gripper" หรือ "Multi-Zone Gripper" ที่สามารถดูดกระสอบที่มีผิวไม่เรียบได้ดี
2. สำหรับกล่องกระดาษ: ใช้ Gripper แบบแบนเรียบ (Flat Suction Pad) ที่มีขนาดเหมาะสมกับพื้นที่ผิวกล่อง วัสดุของ Suction Pad อาจเป็นยางธรรมชาติ (Natural Rubber) หรือ NBR (Nitrile Butadiene Rubber)
3. สำหรับถังสี/ถังพลาสติก: พิจารณาความโค้งของพื้นผิวถัง อาจต้องใช้ Gripper แบบเว้า (Concave Suction Pad) หรือ Gripper ที่มีโครงสร้างรองรับความโค้งของถัง
4. สำหรับก้อนยางอัดแน่น: อาจต้องใช้ Gripper ที่มีความทนทานต่อการสึกหรอสูง และมีแรงดูดที่เหมาะสมกับพื้นผิวของยาง ซึ่งอาจเป็นแบบพิเศษ หรือมี Suction Pad หลายตัว
5. สำหรับวัสดุอื่นๆ ที่มีน้ำหนักเยอะ:
  •      พื้นผิวเรียบ/ขรุขระ: เลือก Suction Pad ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมกับพื้นผิว
  •      รูปร่าง: หากเป็นวัสดุรูปทรงเฉพาะ อาจต้องออกแบบ Gripper พิเศษ
  •      อุณหภูมิ: หากวัสดุมีความร้อนหรือเย็นจัด ต้องใช้ Suction Pad ที่ทนต่ออุณหภูมิ
  •      ความพรุน: วัสดุที่มีความพรุนสูง (เช่น แผ่นไม้ที่ไม่เคลือบ) อาจต้องใช้ระบบสุญญากาศที่มีกำลังดูดสูงกว่าปกติ หรือมีขนาด Suction Pad ที่ใหญ่ขึ้น
4. การคัดเลือกเนื้อวัสดุโครงสร้าง
1. เหล็ก (Steel):
     ข้อดี: แข็งแรง ทนทาน รับน้ำหนักได้ดี ราคาประหยัดกว่าสแตนเลส
     ข้อควรพิจารณา: อาจเกิดสนิมได้ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีความชื้นสูง หรือสัมผัสกับสารเคมี ควรมีการเคลือบผิวเพื่อป้องกันสนิม
2. สแตนเลส (Stainless Steel):
     ข้อดี: ทนทานต่อการกัดกร่อนและสนิมสูง เหมาะสำหรับโรงงานที่มีข้อกำหนดด้านสุขอนามัย (เช่น อุตสาหกรรมอาหาร, ยา) หรือสภาพแวดล้อมที่มีความชื้น/สารเคมี
     ข้อควรพิจารณา: ราคาสูงกว่าเหล็ก

หลักการเลือก:
  •  สภาพแวดล้อม: หากมีการสัมผัสกับน้ำ, สารเคมี, หรือต้องการสุขอนามัยสูง (GMP), ควรเลือกสแตนเลส
  •  งบประมาณ: หากสภาพแวดล้อมปกติ และงบประมาณจำกัด, เหล็กเคลือบผิวก็เป็นตัวเลือกที่เหมาะสม
  •  น้ำหนัก: โครงสร้างทั้งเหล็กและสแตนเลสสามารถออกแบบให้รับน้ำหนักได้สูง แต่สแตนเลสอาจมีน้ำหนักเบากว่าในบางกรณี
5. แขนความยาว น้ำหนักที่ปลายแขน และความสามารถของระบบสุญญากาศ

1. ความยาวของแขน (Reach): กำหนดตามระยะการทำงานที่ต้องการครอบคลุม จากจุดเริ่มต้นถึงจุดสิ้นสุด
2. น้ำหนักที่ปลายแขน (Payload Capacity): คือน้ำหนักสูงสุดของวัสดุที่ระบบ Vacuum Tube สามารถยกได้ นี่คือพารามิเตอร์ที่สำคัญที่สุดในการเลือกกำลังของระบบ
3. ความสามารถของระบบสุญญากาศ (Vacuum System Capacity):
  •      ขนาดปั๊มสุญญากาศ (Vacuum Pump Size): ต้องมีกำลังเพียงพอที่จะสร้างและรักษาระดับสุญญากาศที่ต้องการได้อย่างรวดเร็วและคงที่
  •      อัตราการไหลของอากาศ (Flow Rate): สำคัญสำหรับวัสดุที่มีรูพรุน หรือเมื่อต้องการยกวัสดุอย่างรวดเร็ว
  •      ระดับสุญญากาศสูงสุด (Maximum Vacuum Level): ระบุถึงความแข็งแรงในการดูดจับวัสดุ
4. การจับคู่: ต้องแน่ใจว่ากำลังยกของ Vacuum Tube และความสามารถของระบบสุญญากาศทั้งหมด (ปั๊ม, ท่อ, Suction Pad) สอดคล้องกับน้ำหนักที่ปลายแขนที่ต้องการยกได้อย่างปลอดภัย โดยปกติผู้ผลิตจะมีตารางการเลือกให้

6. ความยาวของท่อ Tube และระบบชักรอก

1. ความยาวของท่อ Tube (Vacuum Tube Length): คือความยาวของท่อที่ใช้สร้างสุญญากาศและเป็นส่วนที่ยึดติดกับ Gripper ท่อนี้จะยืด-หดได้เมื่อมีการยกขึ้น-ลง ความยาวต้องเพียงพอต่อระยะการยกสูงสุดที่ต้องการ
2. ระบบชักรอก (Hoisting System): ในบางกรณี (โดยเฉพาะสำหรับน้ำหนักที่สูงมาก) อาจมีการใช้ระบบชักรอกไฟฟ้าหรือลม เพื่อช่วยในการยกขึ้น-ลงร่วมกับระบบ Vacuum Tube หรือเป็นระบบเสริมเพื่อปรับตำแหน่งแนวตั้งได้ละเอียดขึ้น
3. การปรับความเร็ว/ความเร่ง (Speed/Acceleration Control): ระบบชักรอกที่ทันสมัยควรมีการควบคุมความเร็วและ/หรือความเร่งที่ปรับได้ เพื่อให้การยกเป็นไปอย่างราบรื่น ปลอดภัย และป้องกันความเสียหายต่อวัสดุ สามารถทำได้โดยใช้ Inverter หรือระบบควบคุมด้วยลม

7. ลักษณะโครงสร้างที่สามารถเคลื่อนย้ายได้และการพิจารณาเรื่องล้อ

1. การติดล้อ (Wheeled System): หากต้องการให้ชุดยกเคลื่อนย้ายได้ ควรพิจารณา:
  •      จำนวนล้อ: เพื่อกระจายน้ำหนักและเพิ่มความเสถียร
  •      ขนาดของล้อ: ล้อขนาดใหญ่ขึ้นจะช่วยให้เคลื่อนที่ได้ง่ายขึ้นบนพื้นผิวที่ไม่เรียบ
  •      ระบบเบรก: ล้อควรมีระบบเบรกที่มั่นคงเพื่อความปลอดภัยในการหยุดและใช้งาน
2. ประเภทของล้อและพื้นผิวโรงงาน:
  • พื้นผิวเรียบ/ขรุขระ:
    • ล้อยูรีเทน (Polyurethane Wheels): ทนทานต่อการสึกหรอ, รับน้ำหนักได้ดี, เหมาะสำหรับพื้นเรียบถึงขรุขระเล็กน้อย, ดูดซับแรงกระแทกได้ดีกว่าไนลอนหรือเหล็ก, ไม่ทิ้งรอยบนพื้น
    • ล้อไนลอน (Nylon Wheels): แข็ง, ทนทาน, รับน้ำหนักได้สูง, เหมาะสำหรับพื้นเรียบมาก, อาจทิ้งรอยบนพื้นผิวบางชนิดและเกิดเสียงดัง
    • ล้อยาง (Rubber Wheels): นุ่ม, ดูดซับแรงกระแทกดี, ไม่ทิ้งรอย, เหมาะสำหรับพื้นผิวที่ต้องการการปกป้องสูง (เช่น พื้นอีพ็อกซี่), แต่รับน้ำหนักได้น้อยกว่าและสึกหรอเร็วกว่า
  • ไม่ต้องการการขีดข่วน (Non-Marking): ควรเลือกล้อยูรีเทนหรือล้อยางชนิดพิเศษที่ระบุว่าเป็น "Non-Marking" เพื่อป้องกันรอยดำบนพื้นโรงงาน
สรุปหลักการเลือก:

1.  ประเมินความต้องการอย่างละเอียด: น้ำหนัก, ขนาด, รูปทรงวัสดุ, ความถี่, ระยะการทำงาน, สภาพแวดล้อม
2.  เลือกรูปแบบโครงสร้างที่เหมาะสม: เครน, แขวนเพดาน, Manipulator, หรือเคลื่อนย้ายได้
3.  เลือก Gripper ที่ตรงกับวัสดุ: พิจารณาวัสดุ, พื้นผิว, รูปร่างของสิ่งที่จะยก
4.  พิจารณาวัสดุโครงสร้าง: เหล็ก หรือ สแตนเลส ตามสภาพแวดล้อมและงบประมาณ
5.  คำนวณกำลังยกที่ปลายแขนและระบบสุญญากาศ: ให้เพียงพอและมี Factor of Safety
6.  พิจารณาระยะยกและความเร็ว: เลือกความยาว Tube และระบบควบคุมความเร็วที่เหมาะสม
7.  สำหรับการเคลื่อนย้าย: เลือกล้อที่เหมาะสมกับพื้นผิวและป้องกันการขีดข่วน
8.  เน้นความปลอดภัยและบริการหลังการขาย: สำคัญอย่างยิ่งในการลงทุนระยะยาว

การปรึกษาผู้เชี่ยวชาญจากผู้จำหน่ายโดยตรง และให้ข้อมูลรายละเอียดของงานที่คุณต้องการอย่างครบถ้วน จะช่วยให้คุณได้รับคำแนะนำและการคัดเลือกชุดยก Vacuum Tube ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการลงทุนของคุณครับ

▪ อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.youtube.com/@simplexmovesmartfactory6863

▪ อ่านงานบริการของเราเพิ่มเติม ได้ที่นี่
👉 https://simplexmove.blogspot.com/

📞 สอบถามเพิ่มเติมเพื่อขอรับข้อมูลดีๆ กับ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation ได้ที่
🌐 Website : https://www.simplexmove.com/
☎ 02-8996374, 086-3080698
📲 LineID: @simplexmove
📲 แอดไลน์สายด่วนคลิก : https://lin.ee/ExqBRXz

#ชุดยกVacuumTube #วิศวกรรมนำทาง #วงศ์ธนาวุฒิ #ระบบAutomationในโรงงาน #SimplexMove #wongtanawoot

วันพุธที่ 9 กรกฎาคม พ.ศ. 2568

กองทัพ Cobot Palletizer!


ติดตั้งง่าย เรียนรู้ง่าย เปลี่ยนจากระบบเดิมไวเพียงภายในไม่กี่ชั่วโมง

▪ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ 
👉 https://www.simplexmove.com/TH/product/30d-1800mm-by-spm.html

▪ ติดตามข่าวสารใหม่ๆ ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.facebook.com/simplexmove.robotics/

▪ อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.youtube.com/@simplexmovesmartfactory6863

▪ อ่านงานบริการของเราเพิ่มเติม ได้ที่นี่
👉 https://simplexmove.blogspot.com/

📞 สอบถามเพิ่มเติมเพื่อขอรับข้อมูลดีๆ กับ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation ได้ที่
🌐 Website : https://www.simplexmove.com/
☎ 02-8996374, 086-3080698
📲 LineID: @simplexmove
📲 แอดไลน์สายด่วนคลิก : https://lin.ee/ExqBRXz

#ท้ายไลน์การผลิต #PACKING #Propak_2025 #ROBOT_Palletizer #case_packer #plant_simulation #Visual_components #เครื่องพันพาเลท #เครื่องบรรจุกล่อง #เครื่องกางกล่อง #เครื่องpacking #วงศ์ธนาวุฒิ #SimplexMove #wongtanawoot #AutomatedPalletizing #ลดคนท้ายไลน์ #ระบบจัดเรียงสินค้าอัตโนมัติ #FactoryAutomation #Industry40 #SmartFactory #หุ่นยนต์อุตสาหกรรม #ลดต้นทุนแรงงาน  #เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต #เทคโนโลยีโรงงาน #PalletizingRobot #สายการผลิตอัตโนมัติ #ลดภาระงานแรงงาน #WarehouseAutomation #IndustrialRobot #ระบบหุ่นยนต์ท้ายไลน์ #ประหยัดแรงงาน #SmartLogistics #ProductivitySolutions #พัฒนาท้ายไลน์การผลิต #end_of_line #packing_line #ออกแบบเพื่อSMEไทยรุ่งเรือง #robot_palletizer #case_packer

วันพฤหัสบดีที่ 5 มิถุนายน พ.ศ. 2568

ROBOT PALLETIZER ทนทานที่ช่วยให้งานยกย้ายกล่องลังจบง่าย และคืนทุนไวกว่าที่เคย

🎯 ROBOT PALLETIZER ทนทานที่ช่วยให้งานยกย้ายกล่องลังจบง่าย และคืนทุนไวกว่าที่เคย

ยกระดับท้ายไลน์การผลิตของคุณให้ง่ายกว่าที่เคย ด้วยโซลูชัน ROBOT PALLETIZER จาก SIMPLEXMOVE

🔥 ลดแรงเฉพาะในงาน Propak Asia 2025 เท่านั้น!

Robot 30D-1800
• ยกน้ำหนักปลายแขนได้มากสุด 30kg
• ระยะเอื้อม 1800mm
• ความเร็ว 4-6 รอบ/นาที 
• พร้อม Force sensor หยุดเมื่อสัมผัสสิ่งกีดขวางหรือโดนคน
💥 พิเศษเพียง 699,000.- (ปกติ 750,000)


✅ Robot 40D-2000
• ยกน้ำหนักปลายแขนได้มากสุด 40kg
• ระยะเอื้อม 2000mm
• ความเร็ว 4-6 รอบ/นาที
• พร้อม Force sensor หยุดเมื่อสัมผัสสิ่งกีดขวางหรือ
💥 พิเศษเพียง 799,000.- (ปกติ 860,000)

✅ 4 Axis 180kg-3200mm
• ยกน้ำหนักปลายแขนได้มากสุด 180kg
• ระยะเอื้อม 3200mm
• ความเร็ว 11 รอบ/นาที
💥 พิเศษเพียง 959,000.- (ปกติ 1.1 ลบ)

✅ Column 100C-1950
• ยกน้ำหนักปลายแขนได้มากสุด 100kg
• ระยะเอื้อม 1950mm
• ความเร็ว 4-6 รอบ/นาที
💥 พิเศษเพียง 829,000.- (ปกติ 970,000)




🔥 โปรโมชั่นเฉพาะในงาน Propak Asia 2025 ลดแรงทุกรุ่น!
📌 พบกับเราที่ Hall 103 บู๊ท AR81
📅 วันที่ 11-14 มิ.ย. 2568 @ Bitec บางนา

▪ ติดตามข่าวสารใหม่ๆ ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.facebook.com/simplexmove.robotics/

▪ อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.youtube.com/@simplexmovesmartfactory6863

▪ อ่านงานบริการของเราเพิ่มเติม ได้ที่นี่
👉 https://simplexmove.blogspot.com/

📞 สอบถามเพิ่มเติมเพื่อขอรับข้อมูลดีๆ กับ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation ได้ที่
🌐 Website : https://www.simplexmove.com/
☎ 02-8996374, 086-3080698
📲 LineID: @simplexmove
📲 แอดไลน์สายด่วนคลิก : https://lin.ee/ExqBRXz

#ท้ายไลน์การผลิต #PACKING #Propak_2025 #ROBOT_Palletizer #case_packer #plant_simulation #Visual_components #เครื่องพันพาเลท #เครื่องบรรจุกล่อง #เครื่องกางกล่อง #เครื่องpacking #วงศ์ธนาวุฒิ #SimplexMove #wongtanawoot #AutomatedPalletizing #ลดคนท้ายไลน์ #ระบบจัดเรียงสินค้าอัตโนมัติ #FactoryAutomation #Industry40 #SmartFactory #หุ่นยนต์อุตสาหกรรม #ลดต้นทุนแรงงาน  #เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต #เทคโนโลยีโรงงาน #PalletizingRobot #สายการผลิตอัตโนมัติ #ลดภาระงานแรงงาน #WarehouseAutomation #IndustrialRobot #ระบบหุ่นยนต์ท้ายไลน์ #ประหยัดแรงงาน #SmartLogistics #ProductivitySolutions #พัฒนาท้ายไลน์การผลิต #end_of_line #packing_line #ออกแบบเพื่อSMEไทยรุ่งเรือง #robot_palletizer #case_packer

วันศุกร์ที่ 9 พฤษภาคม พ.ศ. 2568

เมื่องานเชื่อมไม่จำเป็นต้องหวานเย็นเสมอไป เชื่อมด้วยกับ Cobot Laser Cutting by SimplexMove



เลิกหวานเย็นกับการ Teaching  งานเชื่อมด้วย Robot กับ Cobot Laser Cutting / Welding by Wongtanawoot 

สร้างมิติใหม่ของการทำงานตัดเชื่อม 3D แบบง่ายๆ ที่ช่างมือใหม่ก็ทำได้ด้วย Cobot Teaching ที่มาพร้อมหัว laser แบบ Manual Focus บวกพลังตัดของ fiber laser เข้าไปกับงานบางที่คุณต้องการ trim เจาะ ตัดรอบรูป หรือแม้กระทั่งการ Marking  

จบงานง่าย ไม่ต้องใช้ Teach pendant ป้อนคำสั่งเดินตรง เดินโค้ง กำหนด R ได้ตามต้องการ น้ำหนักแขน Cobot จะหน่วงเบาๆ แบบไม่ต้องออกแรงดัน เพียงมือพาก็กำหนดพิกัดที่ต้องการตัดได้ครบ จบงานเนี๊ยบ

ประโยชน์ของเลซอร์ตัด Cobot Laser Cutting
1. คล่องตัวสำหรับงานตัด 3D
2. แนวตัดสวย แผลเล็ก สะเก็ดน้อยมาก
3. งานไม่โก่งร้อน ดุ้งเท่ากับ MIG / MAG
4. ใช้งานง่าย เรียนรู้ได้เร็ว
5. ประหยัดค่าไฟฟ้า
6. น้ำหนักเบา ยกย้ายได้ง่าย ลงทุนต่ำในกรณีที่ต้องการ Common line ผลิตแบบยกย้ายไปมา

ข้อพึงสังเกตุ
1. ชุดกำเนิดพลังงาน LASER SOURCE ไม่อึดทนเหมือน MIGMAG ต้องการการดูแลระบบสม่ำเสมอ
2. ไม่เหมาะกับการนำออกนอกไซต์งาน (แต่สามารถทำได้ เป็นข้อได้เปรียบ)
3. เลนส์เป็นอุปกรณ์สิ้นเปลืองที่ต้องดูแลเป็นประจำ

เหมาะสำหรับงานเชื่อม/ตัด เลเซอร์แบบไหน?
1. งานน้อย มาบ่อย มาไม่ซ้ำ
2. งานเชื่อม/ตัด ที่มีผู้ชำนาญการด้านการใช้งาน Robot จำนวนจำกัด
3. งานวัสดุบาง Max thickness CS 3-6 mm (ผิวสวยสำหรับ 1.5-3kw)
4. ความแม่นยำระดับ +/- 0.1 ถึง 0.5 mm
5. มีคนเดินผ่านในบริเวณ แต่ไม่มีพื้นที่รั้วกั้นขนาดใหญ่ สามารถกั้นคอกขนาดเล็กได้ ประหยัดพื่นที่
6. มี safety force stop sensor เมื่อแขน cobot ชนสิ่งกีดขวาง

Cobot laser cutting / welding จะช่วยลดเวลา Teaching และเพิ่มโอกาสในการทำงานให้กับงานตัด เชื่อม เลเซอร์ของคุณได้เป็นอย่างดี ในยุคที่เวลาคือโอกาสทำเงิน เทคโนโลยี cobot laser cutting / welding จะช่วยลดการพึ่งพาแรงงานฝีมือชั้นสูงและเพิ่มจังหวะการทำเงินให้กับงานตัด เชื่อม ของคุณได้มากขึ้น

▪ ติดตามข่าวสารใหม่ๆ ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.facebook.com/simplexmove.robotics/

▪ อัพเดทเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา ของ SimplexMove Robotics ได้ที่นี่
👉 https://www.youtube.com/@simplexmovesmartfactory6863

▪ อ่านงานบริการของเราเพิ่มเติม ได้ที่นี่
👉 https://simplexmove.blogspot.com/

📞 สอบถามเพิ่มเติมเพื่อขอรับข้อมูลดีๆ กับ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation ได้ที่
🌐 Website : https://www.simplexmove.com/
☎ 02-8996374, 086-3080698
📲 LineID: @simplexmove
📲 แอดไลน์สายด่วนคลิก : https://lin.ee/ExqBRXz

#cobot_laser_welding #เชื่อมโรบอต #ท้ายไลน์การผลิต #วงศ์ธนาวุฒิ #SimplexMove #wongtanawoot

วันพุธที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2567

ทำไมวันนี้หลายๆคนก็ตามหาเครื่องตัดเลเซอร์ ROBOT GANTRY แบบ 3D ห้อยหัว


ตัดได้พื้นที่กว้างกว่ากับ Gantry Robot Laser Cutting

คำตอบอยู่ที่ความสามารถในการ กวาดวงกว้าง ที่ตัดงานได้รอบตัว และคล่องตัวกว่าการยืนบนพื้น เหมาะสำหรับงาน ตัดที่ต้อง  trim ขอบในระยะเริ่มไกลสุดที่ต้องทำงานรอบด้าน

ความสามารถในการตัดของเลเซอร์ที่ปลายแขนของ Robot อยู่ในระยะค่าความแม่นยำบวกลบ 0.5 มิลลิเมตร แม้จะมีความเร็วไม่เท่ากับการตัด Robot แบบ Automatic 3D แต่ก็ถือว่าเป็นการลงทุนที่ประหยัดและคุ้มค่าสำหรับชิ้นส่วนงานขึ้นรูป ที่ไม่ได้มีจำนวนมาก และยอมรับในค่าความแม่นยำ ขนาดนี้ได้

Robot Gantry Laser cutting อีกหนึ่งทางเลือกของการลงทุนราคาประหยัด จากวงศ์ธนาวุฒิ

💢ติดตาม SimplexMove by Wongtanawoot ตามช่องทางต่างๆ ได้ที่นี่💢
👉 https://www.openlink.co/simplexmove

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation โดย วงศ์ธนาวุฒิ โทร. +66.2.899.6374 หรือ +66.86.308.0698 85 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150 SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation Email : info@pcb-bangkok.com WebSite : www.simplexmove.com FaceBook : SimplexMove Robotics Blog : https://simplexmove.blogspot.com/p/products.html Line ID : @simplexmove (มี @ ด้วยนะคะ)

#robot_laser_cutting #โรบอต_เลเซอร์ #gantry_robot #วงศ์ธนาวุฒิ #ระบบAutomationในโรงงาน #SimplexMove #wongtanawoot

วันเสาร์ที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Propak 2024 Day#3 หลุมพลางบ่อใหญ่ที่เราไม่ได้วางแผนไว้ล่วงหน้า!

จากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดใหญ่ กว่า 500 ราย ที่เดินทางหาเทคโนโลยีในงาน Thaifex และ Propak ในปี 2024 นี้ SimplexMove พบว่า กลุ่ม Non-woven bag (กลุ่มผู้ผลิตที่ไม่ได้ใช้ชนิดถุงกระสอบ) จำนวนมาก ประสบปัญหาด้านการขาดแคลนพื้นที่ท้ายไลน์การผลิต (end-of-line Space issue)

โดยมากผู้ประกอบการจะวางแผนในส่วนการผลิตด้วยการลงทุนกับเครื่องจักรที่มีประสิทธิภาพสูงตอบโจทย์ OEE ( ตัววัดประสิทธิผลโดยรวมของเครื่องจักร และไลน์ผลิต)  และคุณภาพของผลิตภัณฑ์จากเทคโนโลยีต่างประเทศหรือเทคโนโลยีที่พัฒนาขึ้นมาเอง โดยที่ไม่ได้วางแผนการทำ Automation ต่อพ่วงระหว่างจุดผลิตและจุดลำเลียง ไปยังโกดัง หรือ DC ( Holistic Supply Chain Management) ทำให้ปัจจุบันเกิดปัญหาต่างๆตามมามากมาย ได้แก่

1. เมื่อค่าแรงแพงขึ้น แรงงานท้ายไลน์การผลิตกลายเป็นภาระสำคัญของการขยายตัวในไลน์การผลิตและการลดต้นทุนต่อหน่วย

2. ความเมื่อยล้าของแรงงาน ส่งผลโดยตรงต่อประสิทธิภาพ ในการลำเลียง

3. สภาวะแวดล้อมของโรงงาน ที่มีปริมาณฝุ่นหรือมีความร้อนเพิ่มสูงขึ้น คืออุปสรรคสำคัญต่อการทำงานอย่างมีประสิทธิภาพของ แรงงานมนุษย์

4. สหภาพแรงงานใส่ใจใน ความเป็นอยู่ของพนักงาน ในทุกบริษัทมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่กลางหรือเล็ก ทำให้เงื่อนไขในการทำงานต้องเป็นไปตามหลักมนุษยธรรม ซึ่งบางครั้งไม่ตอบโจทย์ความจำเป็น ของการผลิตที่ไม่ได้ออกแบบมาจากพื้นฐานของสวัสดิการแรงงาน

5. ท้ายไลน์การผลิต ไม่สามารถเชื่อมต่อข้อมูล แบบ Real Time ในกระบวนการลำเลียงและจัดส่งเข้าโกดัง เนื่องจากยังยืนอยู่บนพื้นฐานของการใช้บุคคลทำงาน

หลุมพรางที่สร้างปัญหาทั้ง 5 ข้อนี้ คือปัจจัยสำคัญที่โดดเด่น ที่เราค้นพบจากการสัมภาษณ์ผู้ประกอบการที่มาเดินงาน exhibition เพื่อตามหาเทคโนโลยี automation สำหรับท้ายไลน์การผลิตเป็นจำนวนมาก

SimplexMove ให้น้ำหนักกับการพัฒนา Automation ท้ายไลน์การผลิตเพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้นจากกระบวนการดังกล่าว เราพร้อมเป็นที่ปรึกษาและเพื่อนคู่คิด ให้กับการออกแบบกระบวนการผลิตแบบ Holistic Supply Chain จากความชำนาญด้านการบริหารจัดการ ห่วงโซ่อุปทานในสายงานการผลิตตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา

เราเชื่อมั่นว่าหากผู้ประกอบการใด ได้มีแผนการเติบโต จากหลักสูตรการ คำนวณตัวเลข ก่อนลงทุนร่วมกันกับเราแล้ว ผู้ประกอบการเหล่านั้น จะมองเห็นความจำเป็นของการเตรียมพื้นที่ และเตรียมตัวรวมถึง เตรียมเงินในการลงทุน กับโอกาสที่กำลังจะเข้ามาในอนาคตพร้อมกับศักยภาพในการปรับตัววางแผนบน Scenario ที่เราจะจัดตั้งขึ้นเป็นสมมติฐานที่แตกต่างกัน เพื่อให้มองเห็นทางเลือกในการลงทุนได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น

SimplexMove พร้อมที่จะเป็นเครื่องมือในการเติบโตให้กับผู้ประกอบการไทยในธุรกิจ FMCG ทุกๆราย

SimplexMove
"We Simplify Complex Motion" 

💢ติดตาม SimplexMove by Wongtanawoot ตามช่องทางต่างๆ ได้ที่นี่💢
👉 https://www.openlink.co/simplexmove

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation โดย วงศ์ธนาวุฒิ โทร. +66.2.899.6374 หรือ +66.86.308.0698 85 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150 SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation Email : info@pcb-bangkok.com WebSite : www.simplexmove.com FaceBook : SimplexMove Robotics Blog : https://simplexmove.blogspot.com/p/products.html Line ID : @simplexmove (มี @ ด้วยนะคะ)

#ท้ายไลน์การผลิต #PACKING #Propak_2024 #ROBOT_Palletizer #case_packer #plant_simulation #Visual_components #เครื่องพันพาเลท #เครื่องบรรจุกล่อง #เครื่องกางกล่อง #เครื่องpacking #วงศ์ธนาวุฒิ #SimplexMove #wongtanawoot

วันศุกร์ที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Propak 2024 Day#2 ค้นหาความลับ... อะไรที่ทำให้ SME ถามหา AGV ในโรงงาน

เมื่อรัฐบาลประกาศชัดเจนว่า ค่าแรง จะต้องเพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ และอาจจะมีแนวโน้มที่ จะแตะ 460 บาทตามที่ได้ให้สัญญาไว้กับแรงงานไทย ความเดือดเนื้อร้อนใจของผู้ประกอบการ sme ก็เกิดขึ้นมาทันที

ผู้ประกอบการบางรายอาจจะจ่ายค่าแรงมากกว่า ค่าแรงขั้นต่ำ แต่ในสายงานการผลิตที่ต้องพึ่งพาแรงงานเป็นจำนวนมาก พวกเขาเหล่านั้นยังคงต้อง เกาะกระแสค่าแรงขั้นต่ำเพื่อลดต้นทุนให้ได้มากที่สุด

แรงงานที่ต้องทำงานเกี่ยวกับการยกย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นกิจกรรมซ้ำๆ ที่ทำเป็นประจำทั้งวันทุกวัน จะประสบปัญหาเกี่ยวกับความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อ หรือการไม่สมดุลของ Ergonomic สรีรศาสตร์ ส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานตลอด 8 ชั่วโมงเต็มไม่สม่ำเสมอ หรืออาจจะลดด้อยถอยลงเมื่อมีการทำงานต่อเนื่องกันเป็นเวลานานหลายวัน

ในขณะที่ผู้ประกอบการอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งมีศักยภาพในการใช้รถ โฟล์คลิฟท์ EV เพื่อประหยัด ค่าน้ำมันและค่าซ่อมบำรุง อะไหล่เครื่องยนต์ของรถโฟล์คลิฟท์จากระบบน้ำมัน ต่างก็มองหาโอกาสที่จะทำให้รถ folklift EV ของ เขากลายเป็น AGV ไร้คนขับ

ไม่ว่าจะเป็น SME ขนาดกลาง หรือโรงงานขนาดใหญ่ เหตุผลสำคัญที่ทำให้ เกิดการตามหา AGV ในโรงงาน ที่เป็นระบบขับเคลื่อนอัตโนมัตินั่นคือมาจากสาเหตุหลักที่ปัญหาแรงงาน ขาดแคลนเป็นสำคัญ

AGV / AMR / AGF / FMR หรือจะเป็นระบบขับเคลื่อนรถขนส่งอัตโนมัติที่ใช้ชื่อตัวย่อใดๆ ก็ตาม  สิ่งนี้ถูกออกแบบมาเพื่อลดปัญหาแรงงานขาดแคลน และต้องการเพิ่มประสิทธิภาพของการลำเลียงขนส่งในโกดังสินค้า หรือในไลน์การผลิตให้มีความชัดเจนด้านเวลาตามการคำนวณการจัดส่งผลิตภัณฑ์ช่วงระหว่างหรือท้ายไลน์

ประโยชน์ที่จะได้รับจากการนำ AGV มาช่วยหรือมาทดแทนการลำเลียงด้วยคนนั้นคือ
1. ลดความเมื่อยล้าของกล้ามเนื้อให้กับทีมงานโยกย้าย สินค้าระหว่างไลน์ผลิตและหรือท้ายไลน์การผลิต
2. เพิ่มความ มั่นใจ ด้านกำหนดระยะในการทำงานในแต่ละช่วงเวลาที่ต้องลำเลียงวัสดุหรือขนถ่ายอุปกรณ์
3. เพิ่มประสิทธิภาพในการรายงานผลการลำเลียง ณ ช่วงเวลาใดช่วงเวลาหนึ่งแบบ Real Time
4. ลด Bottleneck ที่เคยต้องใช้คนจำนวนมากเพื่อการขนย้ายวัสดุ ในหลายๆรอบ ด้วยการใช้ AGV ทดแทน แรงงานคน
5. โยกย้ายคนที่มีความสามารถให้ไปทำงานที่มีศักยภาพมากขึ้นกว่าการทำงานซ้ำๆ
6. เพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่งลำเลียง ภายใน LINE การผลิต ด้วยการทำ load balancing ที่กระจาย ความรับผิดชอบและระยะเวลาในการทำงานของแต่ละ Job ให้กับ AGV อย่างมีมาตรฐานในทุก job งานที่ระบบส่วนกลาง WCS จ่ายงานมา
7. เชื่อมต่อกับระบบ WMS และ ERP ได้อย่างมีประสิทธิภาพ สร้างเสถียรภาพของการบันทึกข้อมูลทั้งองค์กรได้เป็นอย่างดี
8. ลดความเสี่ยงจากการเกิดอุบัติเหตุในกรณีที่ใช้ คนขับที่อาจมีความประมาทเลินเล่อ ไม่ขับรถขนย้าย ตามระเบียบของความปลอดภัยที่องค์กรกำหนดไว้
9. ลดค่าใช้จ่ายที่อาจเกิดความเสียหายจากอุบัติเหตุกรณีคนขับรถโฟล์คลิฟท์ ชนสินทรัพย์ที่อยู่ภายในบริเวณใกล้เคียงกับเส้นทางขนส่ง

จะเห็นได้ว่าโดยรวมแล้วประโยชน์จากการใช้ AGV นั้นมีมากไปกว่าการลดแรงงานคนเพียงอย่างเดียว ทักษะการบริหารจัดการในกระบวนการ ผลิตกลางไลน์และท้ายไลน์ที่ใช้ AGV มาช่วยลดภาระการทำงานของคน จะเพิ่มประสิทธิภาพให้กับกระบวนการลำเลียงขนย้ายและเพิ่ม output ให้กับการผลิตได้อย่างชัดเจน ด้วยการวัดผลเชิงสถิติจาก WCS ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่ใช้ในการควบคุมการทำงานของ อุปกรณ์ขับเคลื่อนอัตโนมัติทั้งโรงงาน

SimplexMove มีโอกาสได้คุยกับผู้ประกอบการหลายรายในงาน Propak 2024 ที่ตามหา AGV เพื่อตอบโจทย์ วัตถุประสงค์ที่ได้ระบุไว้ข้างต้น

ด้วยปณิธานของการพัฒนา Logistic ในองค์กร SimplexMove นำเสนอ solution สำหรับการใช้ AGV ในโรงงานและในคลังสินค้า ที่เป็นยานยนต์ขับเคลื่อนอัตโนมัติ ในรูปแบบการทำงานอย่างครบวงจร เชื่อมต่อกับ ERP และ E-commerce ได้อย่างไร้รอยต่อและมีประสิทธิภาพสูงจากไลน์การผลิตสู่โกดังสินค้าและขนส่งสู่ผู้บริโภคที่ปลายทาง

หนทางของการพัฒนาระบบบริหารจัดการท้ายไลน์การผลิตด้วย AGV ที่เชื่อมต่อไปยังการบริหารจัดการคลังสินค้าอัตโนมัติ เป็นการพัฒนาที่สร้างโอกาสได้มากสำหรับ sme ในประเทศไทย SimplexMove ขอเป็นอีกแรงผลักดันสำคัญที่จะทำให้ SME ไทยเติบโตอย่างมีประสิทธิภาพลงทุนประหยัด และก้าวกระโดดสู่การเป็นผู้ประกอบการในเวทีโลกได้อย่างรวดเร็ว

มาพบกันในงาน Propak Asia 2024 ที่บูธของ #SimplexMove 
📍 BITEC | BANGKOK, THAILAND
🗓 วันที่ 12 - 15 มิถุนายน 2567
⌚ 10.00 - 18.00 Hrs.

💢ติดตาม SimplexMove by Wongtanawoot ตามช่องทางต่างๆ ได้ที่นี่💢
👉 https://www.openlink.co/simplexmove

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation โดย วงศ์ธนาวุฒิ โทร. +66.2.899.6374 หรือ +66.86.308.0698 85 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150 SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation Email : info@pcb-bangkok.com WebSite : www.simplexmove.com FaceBook : SimplexMove Robotics Blog : https://simplexmove.blogspot.com/p/products.html Line ID : @simplexmove (มี @ ด้วยนะคะ)

#ท้ายไลน์การผลิต #PACKING #Propak_2024 #ROBOT_Palletizer #case_packer #plant_simulation #Visual_components #เครื่องพันพาเลท #เครื่องบรรจุกล่อง #เครื่องกางกล่อง #เครื่องpacking #วงศ์ธนาวุฒิ #SimplexMove #wongtanawoot

วันพฤหัสบดีที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2567

Propak 2024 Day 1 คำถามยอดฮิต... กี่ปีคืนทุน⁉️

Propak ปี 2024 นี้จัดอลังการมากที่สุดจากที่เคยเห็นมา ถ้าจะเดินให้ทั่วจริงๆ น่าต้องเผื่อเวลาถึง 2 วัน เพราะแต่ละ Pavilion นี่เขาไม่ได้มากันเล่นๆ เลย

ในขณะที่เมืองไทยมีความน่าเบื่อหลายอย่าง แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่เคยน่าเบื่อเลยสำหรับคนทั้งโลกนั่นคือ การเป็นครัวแห่งความอร่อย ไม่น่าแปลกใจที่ลูกค้าของ propak ส่วนใหญ่กว่า 80% จะเป็นผลิตภัณฑ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารมากที่สุด

คำถามที่เราพบบ่อยที่สุดในวันแรกของการจัดงานแสดงคือ ลงทุนกับ automation จะใช้เวลากี่ปีในการคืนทุน 

ปัจจัยที่ใช้คิดในการคำนวณความคุ้มค่าในการลงทุน มีหลายวิธีทางการเงิน อาทิเช่น Payback Period / NPV / IRR ซึ่งโดยมากแล้วตัวเลขทางการเงินนี้ จะเห็นความคุ้มค่าทางการลงทุนได้ดีมากๆเมื่อใช้ลงทุนกับ การแปรรูป ในต้นทางหรือกลางไลน์การผลิตของกระบวนการแปรรูปหรือการสร้างผลิตภัณฑ์ แต่สำหรับในกระบวนการท้ายรายการผลิต หรือที่เรียกว่า End of Line Packing นั้น ความคุ้มค่าในการลงทุนเมื่อเทียบกับ การประหยัดแรงงานแล้วแทบจะดูไม่สวยงามเอาเสียเลยเมื่อพิจารณาในมุมมองของตัวเลขทางการเงิน

โดยมากแล้วการลงทุนในรูปแบบ automation จะพิจารณาความคุ้มค่าในการลงทุนจากระบบ pay Back Period อยู่ในช่วง 3-5 ปี แต่ในกระบวนการ end of line ในชุด packing นั้น ความคุ้มค่าต่อการประหยัดค่าแรงอาจจะมีค่ามากกว่า 3-5 ปีเป็นส่วนใหญ่❗️

แล้วมันจะคุ้มค่าไหมกับการลงทุน end-of-line automation⁉️

คำตอบอยู่ที่ความสามารถในการจัดหาและบริหารบุคลากร ที่อยู่ในกระบวนการ end-of-line โดยมีปัจจัยเป็น checklist คำถาม เพื่อตรวจสอบความพร้อมของการเดินทางสู่ ระบบ automation ท้าย LINE ดังนี้
1️⃣ รายงานมีประเด็นเรื่องความเมื่อยล้า จากการ หยิบยก ภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ท้าย Line อยู่เป็นประจำ
2️⃣ เมื่อถึงช่วงเวลาที่ต้องเร่งกระบวนการจัดส่ง มักจะประสบปัญหาแรงงาน ขาดแคลนไม่เพียงพอ หรือไม่สามารถเพิ่มเวลาทำงาน มากกว่าเดิมได้
3️⃣ เมื่อรายงานทำงานเป็นเวลายาวนาน ต่อเนื่องกันหลายวัน ในช่วง High Season กระบวนการแพ็คสินค้าจะเกิด ความผิดพลาดหรือ defect ขึ้นมากกว่าในช่วงเวลาปกติ
4️⃣ ไม่สามารถจัดหาแรงงาน มาทำงานในช่วงเวลาปกติ ก่อนหรือหลังวันหยุดยาวได้
5️⃣ สภาพแวดล้อมที่มีความร้อนหรือเย็นมากกว่าอุณหภูมิปกติ คืออุปสรรค ที่ทำให้แรงงานด้อยประสิทธิภาพ
6️⃣ ความไม่ปลอดภัยณสถานที่ทำงาน ณ จุดขนย้ายผลิตภัณฑ์หรือบรรจุภัณฑ์ต่างๆ รวมถึงน้ำหนัก ของผลิตภัณฑ์บางรายการที่มีจำนวนมาก ทำให้เกิดอุบัติเหตุ ในการทำงานอยู่บ่อยครั้ง
7️⃣ แรงงานขาดความแม่นยำในการตรวจสอบคุณภาพของชิ้นงานที่ได้มาตรฐาน ในทุกครั้งและในทุกวันที่ทำงาน
8️⃣ ได้งานขาดระบบการบันทึก สถิติที่มีความแม่นยำและชัดเจน ซึ่งเป็นข้อมูลสำคัญ ด้านการพัฒนาและปรับปรุงกระบวนการผลิตทั้งระบบ

หากกระบวนการท้าย line การผลิตของคุณ เจอประเด็นปัญหาดังกล่าว เป็นประจำและทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ นี่คือสัญญาณที่จะบอกได้ว่า คุณจะเป็น ที่จะต้องพิจารณา ถึงความคุ้มค่า ในการลงทุนระบบ automation สำหรับ end-of-line

จะเห็นได้ว่าความคุ้มค่า ของการลงทุนในระบบ automation นั้น มิได้อ้างอิงเพียงแค่ การประหยัดค่าแรงเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึง
1️⃣ โอกาสในการส่งมอบงานอย่างมีคุณภาพ
2️⃣ การเลือกจัดสรรให้แรงงานที่มีคุณภาพได้ทำงานที่ใช้ทักษะมากกว่าการใช้กล้ามเนื้อเพียงอย่างเดียว
3️⃣ การส่งมอบงานได้ตามการคำนวณที่วางแผนไว้ตั้งแต่ต้น
4️⃣ การสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้า ด้านการส่งมอบงานตรงต่อเวลา
5️⃣ การวางแผนงานล่วงหน้า เพื่อกำหนดประสิทธิภาพในการ ผลิต ซึ่งมีผลกระทบโดยตรงกับยอดขาย
6️⃣ การรักษาต้นทุนการบริหารจัดการบุคคล รวมถึง การดูแล บุคลากรอย่างทั่วถึง ได้มากขึ้น และมีประสิทธิภาพขึ้น
7️⃣ การเตรียมพร้อมในกระบวนการผลิตเพื่อรับมือกับสภาวะแรงงานที่กำลังเปลี่ยนไป

คุณประโยชน์ดังกล่าว สำหรับระบบ automation ท้าย LINE การผลิต คือปัจจัยสร้างความสำเร็จให้กับการลงทุนของคุณทั้งในปัจจุบันและอนาคต รวมถึงการเตรียมพร้อมรับมือกับคู่แข่งที่กำลังปรับตัวอย่างต่อเนื่องทั่วโลก

การลงทุนสำหรับ automation ในโรงงาน ไม่ได้ขึ้นอยู่กับจำนวนปีที่จะคืนทุนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ปัจจัยสำคัญคือการเตรียมพร้อมเพื่อให้มีการปรับตัวเข้ากับโรคที่เปลี่ยนไปและการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น

วันนี้คุณพร้อมที่จะปรับ Mindset ของการลงทุนเพื่อรักษาเสถียรภาพของการผลิต และโอกาสในการเติบโตของผลิตภัณฑ์ในอนาคตแล้วหรือยัง

SimplexMove คือผู้บริการให้คำปรึกษา และออกแบบ Line การผลิต สำหรับสินค้า FMCG ที่ 1 ความคุ้มค่าทางด้านการลงทุนตามข้อจำกัดและงบประมาณที่ลูกค้ากำหนด

เพียงแค่วันแรกของการมาออก งานแสดงสินค้า Propak 2024 ก็เห็นได้ชัดเจนว่า ผู้ประกอบการหลายโรงงาน ต้องการปรับตัวเข้าสู่การเป็นโรงงาน automation ที่ลดการพึ่งพาแรงงาน ความจำเป็นของโลกกำลังผลักดันให้ระบบอุตสาหกรรม เปลี่ยนไปในทางที่ใช้แรงงานคนน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

วันนี้คุณพร้อม ที่จะรับมือกับ โลกแห่งอนาคตแล้วหรือยัง ความคุ้มค่าในการลงทุนไม่ได้อยู่ที่การคืนทุนจากการประหยัดค่าแรงเพียงอย่างเดียว

มาพบกันได้ที่บูธ #SimplexMove
🔺Booth No : AU81
🔺Hall 104  

ค่าแรงจะพุ่งแล้ว คุณขยับตัวหรือยัง

SimplexMove
"We Simplify Complex Motion" 

มาพบกันในงาน Propak Asia 2024 ที่บูธของ #SimplexMove 
📍 BITEC | BANGKOK, THAILAND
🗓 วันที่ 12 - 15 มิถุนายน 2567
⌚ 10.00 - 18.00 Hrs.

💢ติดตาม SimplexMove by Wongtanawoot ตามช่องทางต่างๆ ได้ที่นี่💢
👉 https://www.openlink.co/simplexmove

ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation โดย วงศ์ธนาวุฒิ โทร. +66.2.899.6374 หรือ +66.86.308.0698 85 ถนนกาญจนาภิเษก แขวงบางบอนเหนือ เขตบางบอน กรุงเทพฯ 10150 SIMPLEXMOVE เดินหน้าสู่การผลิตแบบ Automation Email : info@pcb-bangkok.com WebSite : www.simplexmove.com FaceBook : SimplexMove Robotics Blog : https://simplexmove.blogspot.com/p/products.html Line ID : @simplexmove (มี @ ด้วยนะคะ)

#ท้ายไลน์การผลิต #PACKING #Propak_2024 #ROBOT_Palletizer #case_packer #plant_simulation #Visual_components #เครื่องพันพาเลท #เครื่องบรรจุกล่อง #เครื่องกางกล่อง #เครื่องpacking #วงศ์ธนาวุฒิ #SimplexMove #wongtanawoot